“คลี่คลายความขัดแย้งด้วยสันติวิธี”
(หรือประมาณนี้)
เป็นคอร์สที่เราไม่เคยเข้า
เป็นเรื่องที่ไม่คุ้น และชอบหลีกหนี
อ่านสรุปอบรมครั้งก่อนๆ ก็เป็นตัวหนังสือที่ลอยผ่านไป...ไม่ซึมซาบสักนิด
แถมด้วยการป่วย เป็นไข้ เจ็บคอ ปวดท้อง
เลยขอเป็นคนบันทึกอย่างเดียว
คิดถูกมากๆๆๆ
เป็นการอบรมที่เนื้อหามากมาย
ซับซ้อน ท้าทาย
และเช่นเคย...สุดท้ายก็ต้องกลับมาดูตัวเอง เข้าใจตัวเอง คลี่คลายตัวเอง
เหมือนว่าปัญหาแทบทุกอย่างที่เจอ สุดท้ายก็ต้องกลับมาแก้ที่ตัวเอง
ขอบคุณพี่ๆผู้เข้าร่วมทุกคน ที่เป็นครูช่วยสอนบทเรียนที่มีชีวิตให้เรา
เคยได้ยินมาหลายครั้ง ว่าจริงๆแล้วผู้เรียนเป็นผู้สอนมากกว่ากระบวนกร
เพิ่งรู้สึกจริงๆครั้งนี้แหละ
ก่อนกลับ...ปิดวง
พูดความในใจ
ฟังผู้คนพูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ ความประทับใจ และแรงบันดาลใจไปทำสิ่งดีๆต่อ
เหมือนเป็นช่วง “รับค่าตอบแทน”
เงินที่ได้เป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต ให้เรายังอยู่ได้
แต่คำพูดเหล่านี้แหละ คือสิ่งตอบแทน เป็นรางวัลที่แท้จริง
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันสุดท้าย
เมื่อมีพบ ก็ต้องมีจาก
คำเก่าๆที่จริงเสมอ
เรามาขอร่วมงาน TOT จิตตปัญญารอบนี้
ด้วยความรู้สึกว่าอยากทำอะไรซักอย่างให้ได้ยังอยู่ในเครือข่ายนี้
อยากอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้
ยังไม่แก่หล้าพอที่จะเป็นกระบวนกรเต็มที่...ขอมาช่วยเป็นคนบันทึกละกัน
ตลอดการเดินทาง
มีทั้ง ตื่นตาตื่นใจ สนุก เบื่อ ง่วง เหงา ซาบซึ้ง
หลายครั้งที่รู้สึกเป็นคนนอก ท่ามกลางกลุ่มคนที่ผูกพันกันมากขึ้นๆ
วันสุดท้าย
กิจกรรมแรกของวันที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมมากอดกัน
เราเป็นผู้สังเกตการณ์...ที่วางตัวไม่ถูก
จนน้าติ๋มเข้ามาสวมกอดเราอย่างแนบแน่น
และอีกหลายๆคนที่ตามมา
จนท้ายสุดของการร่ำลา
ที่ทำให้เรารู้ว่า เราก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ ในแบบที่เราเป็น
มิตรภาพอุ่นๆ ที่ทำให้มีน้ำตาอีกครั้ง
กอดสุดท้ายของพี่น้อง กับคำพูดเพียงว่า...อยากร้องก็ร้องไปเถอะ
พี่เล็กบอกว่า...
เมื่อเราเดินจากที่นี้ไป
สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความเหงา
หลังเดินออกจากห้องนั้น
ก็ไปค่ายต่อที่เพชรบุรี
วันนี้กลับถึงบ้าน...ความเหงาถึงเพิ่งมาทักทาย
อุ่นๆใจดีเหมือนกันนะ
เพราะความเหงา ทำให้รู้ว่าเราเคยได้สัมผัสรัก
และมีคนให้เราคิดถึง
คำเก่าๆที่จริงเสมอ
เรามาขอร่วมงาน TOT จิตตปัญญารอบนี้
ด้วยความรู้สึกว่าอยากทำอะไรซักอย่างให้ได้ยังอยู่ในเครือข่ายนี้
อยากอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้
ยังไม่แก่หล้าพอที่จะเป็นกระบวนกรเต็มที่...ขอมาช่วยเป็นคนบันทึกละกัน
ตลอดการเดินทาง
มีทั้ง ตื่นตาตื่นใจ สนุก เบื่อ ง่วง เหงา ซาบซึ้ง
หลายครั้งที่รู้สึกเป็นคนนอก ท่ามกลางกลุ่มคนที่ผูกพันกันมากขึ้นๆ
วันสุดท้าย
กิจกรรมแรกของวันที่เชื้อเชิญให้ผู้เข้าร่วมมากอดกัน
เราเป็นผู้สังเกตการณ์...ที่วางตัวไม่ถูก
จนน้าติ๋มเข้ามาสวมกอดเราอย่างแนบแน่น
และอีกหลายๆคนที่ตามมา
จนท้ายสุดของการร่ำลา
ที่ทำให้เรารู้ว่า เราก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ ในแบบที่เราเป็น
มิตรภาพอุ่นๆ ที่ทำให้มีน้ำตาอีกครั้ง
กอดสุดท้ายของพี่น้อง กับคำพูดเพียงว่า...อยากร้องก็ร้องไปเถอะ
พี่เล็กบอกว่า...
เมื่อเราเดินจากที่นี้ไป
สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความเหงา
หลังเดินออกจากห้องนั้น
ก็ไปค่ายต่อที่เพชรบุรี
วันนี้กลับถึงบ้าน...ความเหงาถึงเพิ่งมาทักทาย
อุ่นๆใจดีเหมือนกันนะ
เพราะความเหงา ทำให้รู้ว่าเราเคยได้สัมผัสรัก
และมีคนให้เราคิดถึง
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ลอยกระทง
ขอลอย...ความคลางแคลงสงสัย
ทั้งในความรักต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น และที่ผู้อื่นมีต่อเรา
ขอให้มีความเชื่อมั่นในความรักที่ไร้เงื่อนไข
ทั้งในความรักต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น และที่ผู้อื่นมีต่อเรา
ขอให้มีความเชื่อมั่นในความรักที่ไร้เงื่อนไข
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ลมหนาวแรก
ลมหนาวแรก
ภูเขามืด จันทร์สว่าง
มิตรภาพอุ่น
ลมหนาวมาถึงแล้ว
กับการจัดอบรมมาราธอนให้คณะนิติ ม.น. พิษณุโลก
เริ่มจากนิสิตปีหนี่ง 3 รุ่น
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จบด้วยรอบอาจารย์ + เจ้าหน้าที่
เด็กรุ่นนี้เป็นเด็กประหลาดที่สุดที่เคยเจอมา
เข้าใจตัวเอง มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน และมีความซื่อตรงอย่างไม่น่าเชื่อ
(เล่นเกมส์ผิดกติกาไปนิดเดียว ก็เตือนกันเอง เริ่มใหม่ทั้งที่เราไม่ต้องบอก)
น่าปลื้มใจแทนผู้คนที่ช่วยหล่อหลอมให้พวกเขาเป็นแบบนี้
รอบอาจารย์ + เจ้าหน้าที่
มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ได้เห็นคนที่ใส่ใจกันมากมาย แต่มีอะไรไม่รู้มาทำให้ไม่เข้าใจกัน ได้หันหน้าเข้าหากัน
ได้เห็นคนกอดกัน...เปิดใจ...มีน้ำตา
มิตรภาพสวยงามจัง
และแอบรู้สึกว่าอาจารย์คณะนี้แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ดีเนอะ
เหมือนตัวการ์ตูน
เรียนที่นี่คงสนุก
ขอบคุณ...
น้องๆนิสิตที่เปิดใจเรียนรู้ เติมพลังแห่งความไร้เดียงสา และช่วยยืนยันว่าความดีงามยังคงอยู่ในตัวคน
คณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ กับการให้โอกาสเปิดรับ ความซื่อตรงที่สื่อออกมา และเสียงหัวเราะ
พี่เจน พี่เล็ก วี กานต์ กับการต้อนรับ ดูแลที่อบอุ่น
แนน เก๋ ที่ร่วมเดินทาง และอ้อมกอดที่ทำให้รู้ว่ายังมีคนที่รักเราเสมอ
ลมลูบไล้
กายตื่น ใจตื่น
เห็นความงามคนรอบตัว
ภูเขามืด จันทร์สว่าง
มิตรภาพอุ่น
ลมหนาวมาถึงแล้ว
กับการจัดอบรมมาราธอนให้คณะนิติ ม.น. พิษณุโลก
เริ่มจากนิสิตปีหนี่ง 3 รุ่น
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จบด้วยรอบอาจารย์ + เจ้าหน้าที่
เด็กรุ่นนี้เป็นเด็กประหลาดที่สุดที่เคยเจอมา
เข้าใจตัวเอง มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน และมีความซื่อตรงอย่างไม่น่าเชื่อ
(เล่นเกมส์ผิดกติกาไปนิดเดียว ก็เตือนกันเอง เริ่มใหม่ทั้งที่เราไม่ต้องบอก)
น่าปลื้มใจแทนผู้คนที่ช่วยหล่อหลอมให้พวกเขาเป็นแบบนี้
รอบอาจารย์ + เจ้าหน้าที่
มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ได้เห็นคนที่ใส่ใจกันมากมาย แต่มีอะไรไม่รู้มาทำให้ไม่เข้าใจกัน ได้หันหน้าเข้าหากัน
ได้เห็นคนกอดกัน...เปิดใจ...มีน้ำตา
มิตรภาพสวยงามจัง
และแอบรู้สึกว่าอาจารย์คณะนี้แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ดีเนอะ
เหมือนตัวการ์ตูน
เรียนที่นี่คงสนุก
ขอบคุณ...
น้องๆนิสิตที่เปิดใจเรียนรู้ เติมพลังแห่งความไร้เดียงสา และช่วยยืนยันว่าความดีงามยังคงอยู่ในตัวคน
คณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ กับการให้โอกาสเปิดรับ ความซื่อตรงที่สื่อออกมา และเสียงหัวเราะ
พี่เจน พี่เล็ก วี กานต์ กับการต้อนรับ ดูแลที่อบอุ่น
แนน เก๋ ที่ร่วมเดินทาง และอ้อมกอดที่ทำให้รู้ว่ายังมีคนที่รักเราเสมอ
ลมลูบไล้
กายตื่น ใจตื่น
เห็นความงามคนรอบตัว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)